เครดิตภาพจาก https://clinicasunyata.com.br/blog/srotas/
สโรตะ ถ้าจะแปลก็จะเป็นเส้นทางเดิน เป็น Channel
ก็มีส่วนคล้ายกับเส้นลมปราณของแพทย์แผนจีน แต่เป็นคนละมุมกัน
จะมีทั้งแบบเส้นพลังงาน ช่องทางจริงๆก็มีเช่นทางเดินอาหารเป็นต้น
แต่ละเส้นหรือแต่ละสโรตะจะมีจะเริ่มต้นหรือราก เรียกว่า สโรตะมูละ
ทางเดินก็คือ สโรตะมรรคะ ส่วนทางออกหรือปลายที่เปิดออกเรียกว่า สโรตะมุขะ
ก่อนพูดถึงสโรตะ จะขอพูดถึงการจะแบ่งธาตุเป็น 3 กลุ่ม
ตามในหนังสืออายุรเวทของขุนนิทเทส มีกล่าวถึงตรีธาตุในหลายความหมาย
บางครั้งหมายถึงตรีโทษ (Tri-Doshas) ในแง่ของการทำงานที่ปกติ
บางครั้งเอามาใช้จำแนกธาตุในร่างกายเป็น 3 กลุ่มได้แก่
กลุ่ม1. ธาตุหล่อเลี้ยงร่างกาย 3 ประการ
กลุ่ม2. ธาตุดำรงร่างกาย ซึ่งก็คือธารณธาตุ 7 ประการ
กลุ่ม3. ธาตุที่ขับถ่ายออกจากร่างกาย มลธาตุ 3 ประการ
(ขอให้ทำความเข้าใจว่า มลธาตุเช่นอุจจาระธาตุเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายปกติที่ต้องมี แพทย์แผนไทยหรือพุทธศาสนาก็ได้กล่าวถึงอุจจาระธาตุ หรืออาหารเก่าว่าเป็นส่วนหนึ่งของ อวัยวะร่างกาย 32 ประการ ส่วนสิ่งที่เป็นพิษนั้นทางอายุรเวทจะเรียกว่าอามะ Ama)
ดังนั้นสโรตะเลยจัดแบ่งเป็น 3 กลุ่มตามภาพ
แต่จะมีเพิ่มขึ้นอีก 1 ธาตุคือมโนธาตุหรือจิตนั่นเอง
สโรตะ(Srotas) เป็นช่องทางที่สารอาหาร เนื้อเยื่อ (ธารณธาตุ) ของเสีย (มลธาตุ) รวมถึงสื่อกระแสประสาทสัมผัส สโรตะมีรากหรือจุดเริ่มต้น ทางเดิน และช่องเปิด ในบางครั้งอาจเกิดการอุดตันการไหลเวียนในสโรตะ ทำให้เกิดการสะสมการก่อโรคขึ้นได้
กลุ่ม1. ธาตุหล่อเลี้ยงร่างกาย 3 ประการ
กลุ่มนี้มองว่าเป็น input ที่เข้ามาเป็นน้ำมัน หรือพลังงาน เพื่อนำไปหล่อเลี้ยงร่างกาย
กลุ่ม2. ธาตุดำรงร่างกาย ซึ่งก็คือธารณธาตุ 7 ประการ
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ทำให้ธาตุดำรงอยู่ได้ ครองธาตุได้ ตั้งอยู่ได้
กลุ่ม3. ธาตุที่ขับถ่ายออกจากร่างกาย มลธาตุ 3 ประการ
ส่วนนี้ก็จะเหมือนของส่วนที่เหลือจากการเอากลุ่มที่ 1 มาหล่อเลี้ยงกลุ่มที่ 2 ก็จะเป็นส่วนของมลธาตุที่ต้องขับออก ในตารางด้านล่างนอกจาก 3 ตัวแล้ว ก็จะมี มโนธาตุใส่เพ่ิมเข้าไปด้วย จะมองว่าแยกออกมาต่างหากก็ได้
สโรตะนี่สำคัญมาก และนำไปใช้ในการวิเคราะห์สาเหตุและกลไกของโรคได้
นอกจากนี้ยังเอาไปใช้ในคัมภีร์ว่าด้วยเรืื่องของการกดจุดอีกด้วย (กดจุดในศาสตร์อายรุเวทก็มีนะครับ
ไม่ใช่จะมีแต่จีนที่จะพูดถึงเรื่องของจุดฝังเข็ม ส่วนจะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร เดี่ยวค่อยมาว่ากันอีกที)
แหล่งที่มา
2. อายุรเวทศึกษา (วิชาแพทย์แผนโบราณ), ขุนนิเทสสุขกิจ
#อิเล็กตรอนโบราณ
Comments