มีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยในทางอายุรเวทมาฝาก
เรารู้กันอยู่แล้ว่าปัสสาวะ เป็นช่องทางหนึ่งในการขับมลธาตุ
เพื่อปรับให้วาตะ ปิตตะ เสมหะสมดุลกันในร่างกาย
ดังนั้น เราจึงสามารถตรวจความผิดปกติ หรือ
การเสียสมดุลของตรีธาตุได้จากการตรวจปัสสาวะ
ซึ่งนอกจากการสังเกตสี และกลิ่นแล้ว
ยังสามารถทดสอบด้วยการหยดน้ำมันงาลงในปัสสาวะ
(จำเป็นต้องใช้น้ำมันงาหรือไม่ ตำราไม่ได้บอกไว้)
ปัสสาวะนี่ควรเก็บตอนเช้า และเก็บตอนกลางๆระหว่างฉี่
ถ้าใครตรวจแล้ว มาแชร์กันได้นะครับ
โลหิตนอกจจากหล่อเลี้ยร่างกายแล้ว ยังต้องทำหน้าที่ของเสีย(Mala)
ซื่งส่วนหนึ่งขับออกทางปัสสาวะ ระบบปัสสาวะจะช่วยรักษาระดับความเข้มข้นของสานอิเล็กโตรไลท์ในร่างกายให้ปกติ และควบคุมปริมาณของเหลวงในร่างกาย รวมถึงการผลิดเม็ดเลือดแดงและระดับความดันโลหิตด้วย ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า
ระบบปัสสาวะก็เป็นระบบหนึ่งที่ช่วยปรับสมดุลของ วาตะ ปิตตะ เสมหะ
การตรวจปัสสาวะ: ให้เก็บปัสสาวะตอนเข้า ระหว่างปัสสาวะให้เก็บช่วงกลางๆ(คือไม่เก็บช่วงแรก)
สังเกตสี:
สีออกน้ำตาล => วาตะเสียสมดุล
สีเหลืองเข้ม => ปิตตะเสียสมดุล
ถ้ามีอาการท้องผูก หรือเสียน้ำมากหรือกินน้ำน้อย ก็จะมีสีเหลืองเข้ม
แต่ถ้าออกมาขุ่นๆ ก็จะเป็น เสมหะเสียสมดุล
ถ้าสีออกแดง ก็เป็นไปได้ว่ามีเหลือดปนออกมา ระบบโลหิตเสียสมดุล
การทดสอบด้วยน้ำมันงา
ถ้าหยดน้ำมันงาแล้ว น้ำมันกระจายออกบนผิวทันที แปลว่าถ้ามีโรคโรคก็จะรักษาง่าย
แต่ถ้าจมลงไปที่กลางภาชนะก็แปลว่ารักษายาก
ถ้าจมลงไปเลยก็แปลว่ารักษายากมาก
ถ้าหยดลงไปแล้วเกิดมีลักษณะกระจายที่ผิวเป้นคลื่นๆ ก็วาตะเสียสมดุล
ถ้าหยดลงไปแล้วเป็นสีหลายสีเหมือสีรุ้ง ก็ปิตตะเสียสมดุล
ถ้าหยดไปแล้วแตกเป็นเม็ดเหมือนไข่มุกก็เสมหะเสียสมดุล
ปัสสาวะปกติจะมีกลิ่นปัสสาวะทั่วไป แต่ถ้าปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นแสดงว่ามีสารพิษในระบบ กลิ่นที่เป็นกลิ่นเปรี้ยวๆซึ่งทำให้รู้สึกแสบร้อนแสดงว่าปิตตะมีมากเกินไป กลิ่นหอมหวานของฉี่บ่งบอกถึงภาวะเบาหวาน
แปลเรียบเรียงโดย หมอแผน อิเล็กตรอนโบราณ
อ้างอิงจาก หนังสือ Ayurveda: the science of self healing, Vasant Lad
Comments